เรี่ยนรู้อย่างเข้าใจ อย่าใช้การท่องจำ

  เรียนรู้อย่างเข้าใจ อย่าใช้การท่องจำ ปัจจุบันหลักสูตรการเรียนการสอนจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์มากขึ้นแต่กระนั้นก็ดีในสถานการณ์จริงการศึกษาหาความรู้ของผู้เรียนจำนวนไม่น้อย มักเป็นการรับและท่องจำความรู้ที่มีอยู่ แม้แต่ในเรื่องที่เราสามารถหาจากแหล่งข้อมูลได้ แม้ว่าผู้เรียนในปัจจุบันมีความพยายามยกระดับเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ตนเอง ด้วยการเรียนในระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่กลับใช้วิธีการเรียนรู้เช่นเดิมคือ จดจำ หรือท่องจำความรู้ที่ยากและมากขึ้น ในที่สุดคนที่ใช้วิธีดังกล่าวพบคำตอบว่าความรู้ที่เพิ่มพูนเข้ามานั้นไม่คุ้มค่ากับที่ได้ลงทุนลงแรงเรียนไป ด้วยเหตุนี้การเพิ่มพูนความรู้ เพื่อยกระดับคุณสมบัติให้เป็นที่ต้องการในโลกที่แข่งขันกันด้วยความรู้ วิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องของผู้เรียนจึงเป็นสิ่งสำคัย อาทิ ใช้การจดจำเฉพาะที่จำเป็น การจดจำความรู้ในบางเรื่อง บางเวลา บางสาขาอาชีพ อาจเป็นสิ่งจำเป็น ในกรณีที่ต้องนำความรู้นั้นมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เมื่อไร เป็นต้น ซึ่งหากผู้เรียนมุ่งเพียงแต่จะจดจำความรู้ทุกอย่างเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เป็นประโยชน์เลย เนื่องจากบางครั้งอาจไม่สามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้ได้โดยตรงเพราะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้น ใช้การทำความเข้าใจแทนการท่องจำ การใช้วิธีการท่องจำเพื่อจดจำความรู้ทั้งหมดที่เรียนนั้น จะทำให้ผู้เรียนนั้นเสียเงลาไปดดยเปล่าประโยช์น อีกทั้งเปลืองสมองที่ต้องจดจำสิ่งที่สามารถค้นคว้าได้ง่ายๆ ในความจริง เมื่อศึกาาค้นคว้าความรู้ได ไม่จำเป็นต้องจดจำในทุกเรื่อง แต่จำเป็นต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่กำลังเรียนรู้ อาทิ แนวคิด ปรัชญา เบื้องหลังเหตุและผล บริบทแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งไม่ใช่มุงเพียงการจดจำ การรู้เพื่อรู้นั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องอยู่ในระดับของการเข้าใจ เพราะจะช่วยให้รู้ว่านำมาใช้ในชีวิตจริงได้มากน้อยเพียงใด และสามารถปรับใช้อย่างเหมาะสมตามสถานะการณ์ ใช้การคิดในเรื่องที่ได้เรียนรู้   สิ่งสำคัญในการเรี่ยนรู้คือ การใช้ความคิด แม้ความรู้ที่ใช้ในการเรียนการสอนจะมีที่่มาจากตำราที่มีการกลั่นกรองความคิดจากผู้เขียน และไดรับการยอมรับจากวงวิชาการในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติความรู้จากตำราเรียนเหล่านั้นบางเรื่องอาจนำมาใช้ได้ทันที่ บางเรื่องอาจต้องประยุกต์ แต่บางเรื่องอาจต้องคิดใหม่หมด ดังนั้นการคิดเพื่อให้มีการประยุกต์ใช้อย่างสมกับบริบทสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญเนื่องจากสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมในแต่ละช่วงเวลาอาจมีรายละเอียดที่ซับซ้อน หากต้องการใช้ความรู้ที่เรียนมาอย่งเหมาะสมกับบริบทแล้ว การคิดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ทั้งนี้กระบวนการคิดนั้นต้องอาศัยการทบทวนสิ่งที่เรียนรู้มาว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เหมาะกับบริบทที่แท้จริงมากน้อยเพียงใร ต้องมีการดำเนินการในเรื่องใดบ้าง และใช้ความคิดเพื่อต่อยอดจากสิ่งที่เราเรียนรู้ทำให้เกิดประโยชน์จากความรู้ได้มากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันทางความรู้ที่รุนแรงในปัจจุบัน ผู้เรียนต้องไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่ชอบสะสมความรู้เท่านั้น แต่ควรเป็นทั้งผู้ที่ทำความเข้าใจในความรู้อย่างถ่องแท้และมีการใช้ความคิด เพื่อหาหนทางที่จะนำความรู้ที่มีอยู่นั้นมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดทั้งในการเรียน และเป็นรากฐานในการพัฒนาตนเองในอนาคตต่อไป